Customer Reviews

พิชิตโรคร้ายโดยไม่ใช้ยา 1 ปฏิวัติชีวิตปฏิวัติสุขภาพ
4
หนังสือสุขภาพอีกเล่ม ที่ไม่ควรพลาด!!
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 03 กันยายน พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่เขียนจากประวัติชีวิตของนายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ผู้ที่เคยป่วยเป็นโรคเมตาโบ ลิกซินโดรม ซึ่งโรคนี้ประกอบด้วย 6 โรค ได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดผิดปกติ โรคภูมิแพ้ และมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับ จากประวัติชีวิตของคุณหมอ คุณหมอกล่าวว่าได้ทำการรักษาโรคของตัวเองด้วยแพทย์แผนปัจจุบันตามที่ตนเรียนมา แต่กลับทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาอีกมากมาย จนกลายเป็นวงจรของโรคร้าย จนสุดท้ายคุณหมอเลยตัดสินใจรักษาตัวเองโดยใช้วิธีธรรมชาติบำบัด เลิกการใช้ยาโดยเด็ดขาด ภายหลังต่อมาคุณหมอได้พบว่าโรคร้ายต่างๆได้หายไป ซึ่งวิธีธรรมชาติบำบัดของคุณหมอนั้นขึ้นอยู่กับจิตของเรานั่นเอง ซึ่งจิตมีอิทธิพลต่อร่างกายอย่างมาก โดยที่คุณหมอได้ยกกรณีศึกษามาเขียนลงในหนังสือเพื่อให้เห็นภาพตาม ยกตัวอย่างเช่น มีผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะที่4 ต้องใช้เครื่องหายใจตลอดเวลา แพทย์ประเมินว่าจะเสียชีวิตภายในเวลา 1-2 สัปดาห์ ซึ่งในการรักษามะเร็งจะต้องฉีดยาให้ผู้ป่วยเป็นจำนวน10ครั้ง ผู้ป่วยคนนี้ได้รับกำลังใจจากลูกหลานและคณะแพทย์พยาบาล เมื่อฉีดยาไปแล้วเข็มนึง ปรากฏว่าร่างกายตอบสนองดีขึ้น สามารถถอดเครื่องหายใจได้ พอฉีดยาครบ10ครั้ง เซลล์มะเร็งที่มีกลับได้หายไปหมด ผู้ป่วยที่เคยป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายได้หายเป็นปกติ ซึ่งสร้างความน่าอัศจรรย์ใจให้กับคณะแพทย์และพยาบาลมาก ผู้ป่วยคนนี้เมื่อหายจากโรคแล้วจึงมีความซาบซึ้งใจได้บริจาคยาชุดนี้ให้กับผู้ป่วยมะเร็งท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นมะเร็งระยะที่3 เซลล์มะเร็งยังไม่ลุกลามมาก สามารถเดินได้ปกติ แถมยังอายุน้อยกว่าอีก เมื่อฉีดยาเข็มแรก กลับกลายเป็นว่าผู้ป่วยอาการแย่ลง และร่างกายก็ทรุดลงเรื่อยๆจนกระทั่งเสียชีวิต ดังนั้นจึงสรุปว่ายาที่ใช้ไม่ได้มีผลอะไรกับการที่ทำให้คนหายป่วยจากมะเร็งได้ เพราะใช้ยาชุดเดียวกัน คนที่ร่างกายอ่อนแอกว่ากลับหายเป็นปกติ คนที่แข็งแรงกว่ากลับเสียชีวิต แต่สำคัญตรงที่จิตใจ เพราะผู้ป่วยรายแรกมีกำลังจากคนรอบข้างที่ดีและมีความเชื่อมั่นว่าตัวเองจะต้องหาย ซึ่งต่างกลับรายหลังที่ไม่มีความเชื่อมั่นต่อยาตัวนี้เลย ดังนั้นการปฏิรูปจิตจึงมีผลสำคัญมากต่อการรักษาโรค ห้ามจินตนาการในเชิงลบ ต้องจินตนาการในเชิงบวกเท่านั้น และคุณหมอยังได้เขียนข้อปฏิบัติ ห้าม 5 ต้อง 5 ตามกฎธรรมชาติที่ปฏิบัติง่าย และได้ผลจริง คุณหมอได้เปรียบเทียบวิถีการดำเนินชีวิตของชาวเอสกิโมให้ได้เห็นภาพว่าชาวเอสกิโมอยู่บนเนินเขา ปลูกผักผลไม้บนเนินเขา ไม่มีไฟฟ้าใช้ แต่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยวิถีการดำเนินชีวิตตามธรรมชาติของชาวเอสกิโมนั้น ได้ยึดหลัก 3 อ. ได้แก่ ออกกำลังกาย, อารมณ์, อาหาร ล้วนแต่ใช้วิธีธรรมชาติบำบัดทั้งนั้น โดยที่ไม่ต้องอาศัยการใช้ยาเลย จะส่งผลต่อร่างกายที่ดีด้วย ยิ่งถ้าเราคิดหรือกังวลแต่สิ่งที่ไม่ดี สุขภาพของเราก็จะทรุดโทรมไปตามความคิดนั้นด้วย ดังนั้นสำหรับผู้ป่วยที่มีจิตใจอ่อนแอหรือหมดกำลังใจในการต่อสู้กับโรค ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว คงจะช่วยฟื้นฟูจิตใจของผู้ป่วยได้ไม่มากก็น้อย อาจเป็นแนวทางที่ดีในการรักษาโรคนอกเหนือจากการใช้ยาตามแผนปัจจุบัน เพราะจิตสามารถพิชิตโรคร้ายได้
ป้าเชื่อแบบนั้นจริงๆหรือครับ??
5
หนังสือสุขภาพอารมณ์ดี เหมาะกับทุกวัย
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 03 กันยายน พ.ศ. 2557

หนังสือที่จะนำมารีวิวในวันนี้เป็นหนังสือแนวสุขภาพที่ผู้เขียนได้เขียนเรื่องราวความเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับการแพทย์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมีความเข้าใจแตกต่างไปจากความจริง ตามสไตล์ของหมอหมีผู้เหี้ยมโหด ผู้โด่งดังในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ค ผู้ที่มีวาจาในการเขียนบทความที่แสนจะจิกกัดและประชดประชัน ตามสโลแกนของหนังสือ หมอหมีผู้เหี้ยมโหด หยาบคาย ขี้ประชดไม่ใจดีเหมือนหน้าตา "ด้านมืด" ของหมอ ที่จะมาทำให้คนไข้ "ตาสว่าง" อ่านแล้วรักษาอาการ โวยวาย เวิ่นเว้อ กลัวตาย ได้ชะงัดนัก หนังสือเล่มนี้ได้เปิดเผยบางเรื่องที่คนชอบเข้าใจผิดๆ จนพออ่านแล้วถึงกับต้องตกใจบวกกับหลุดขำกันเลยทีเดียว อย่างเช่น กินเผ็ดทำให้เป็นโรคกระเพาะ คือคนเราจะเข้าใจมาตลอดว่าการกินอาหารเผ็ดจะทำให้เป็นโรคกระเพาะบ้าง กระเพาะทะลุบ้าง แต่อันที่จริงแล้วสารที่พบในพริกไม่ได้ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารแต่อย่างใด กลับกันสารที่พบในพริกจะช่วยกระตุ้นกระเพาะอาหารให้หลั่งเมือกมาช่วยป้องกันเยื่อบุกระเพาะอาหารไม่ให้เกิดแผล กลายเป็นข้อดีของการกินเผ็ดด้วยซ้ำ สิ่งเมื่ออ่านแล้วก็นึกสงสัยว่าจริงเหรอ? นี่สรุปว่าเข้าใจผิดมาตลอดใช่ไหม? อีกทั้งมีบางคำพูดของหมอหมีผู้เหี้ยมโหดที่ประชดได้แสบมากๆ เช่น เรื่องการปรึกษาหมอทางอินเตอร์เน็ต "โอ๊ย ไม่สบายซะแล้ว จะทำยังไงดีนะ?" คนไข้ส่วนใหญ่ก็จะ "เสิร์ช google บ้าง, โทรถามหมอบ้าง, เปิดหนังสือดูบ้าง" คือทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ ป่วยจะตายอยู่แล้วยังมีอารมณ์มานั่งเสิร์ช google อีก ซึ่งผู้เขียนก็ได้บอกไว้ว่า การวินิจฉัยและการรักษาโรค เป็นศิลปะ ต้องอาศัยการพูดคุยและการตรวจร่างกาย สำหรับคนไข้แต่ละคน ก็มีวิธีการตรวจไม่เหมือนกันด้วย ทางที่ดีควรจะมาตรวจกับหมอโดยตรงจะดีที่สุด มีอีกตอนหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือ ความเชื่อผิดๆทางการแพทย์ ในหนังและละคร เช่น ในละครนางเอกป่วยเป็นมะเร็ง "พี่ชายยย ฉันเป็นลูคีเมีย" รักษาเคมีบำบัดจนผมร่วงหมดหัว แต่คิ้วยังดกดำไม่ร่วงสักเส้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนที่ทำเคมีบำบัด นอกจากผมจะร่วงแล้ว คิ้วจะต้องร่วง หนวดก็จะต้องร่วงด้วย แต่ในละครผมร่วง คิ้วไม่ร่วง แถมบางคนยังหนวดเคราดกดำซะอีก รวมถึงใช้ปากดูดพิษงู ต่อให้ใช้ปากดูพิษงูได้เร็วขนาดไหน ก็ไม่สามารถห้ามพิษงูเข้าสู่เส้นเลือดได้ อีกทั้งปากที่ใช้ดูดนั่นล่ะจะสกปรกกว่าอีก อันนี้ก็ขำดี และยังมีอีกหลายเรื่องที่ผู้เขียนได้นำมาเล่าเป็นเรื่องราวได้อย่างสนุกสนาน จนต้องเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับทางแพทย์ซะใหม่เลยทีเดียว ในหนังสือนั้นจะแบ่งเรื่องราวออกเป็น 20 ตอน แต่ละตอนก็จะมีการเล่าเรื่องราวที่ได้เคยประสบพบ และมีการสรุปลงท้ายเอาไว้ในแต่ละตอนด้วย อีกทั้งมีรูปภาพเป็นการ์ตูนประกอบในแต่ละตอน ให้ดูตลกขบขันกันอีก จัดว่าเป็นหนังสือที่น่าอ่านเลยทีเดียว เข้าใจง่าย เพราะผู้เขียนได้ยกตัวอย่างประกอบไว้เป็นอย่างดี สามารถเอาไปใช้เป็นความรู้ต่อไปได้เลย
500 รูปประโยคภาษาญี่ปุ่น N1-N3
4
หนังสือภาษาญี่ปุ่นดีๆที่คนรักการอ่าน ห้ามพลาด!
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 03 กันยายน พ.ศ. 2557

500 รูปประโยคภาษาญี่ปุ่น เราซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านเผื่อเพราะตัวเองยังเรียนไม่ถึง 5555 ตอนแรกก็นึกว่าจะอ่านยากเพราะอาจจะต้องมีความรู้ในระดับนี้ด้วยแต่พอได้อ่านจริงๆคือแบบ มันไม่ยากถ้าจะให้จำตอนี้ก็ไม่มีปัญหา ในหนังสือแบ่งเป็นแต่ละสำนวน ซึ่งก็มีบางตัวที่เราเคยเจอในบทความ คิดว่ามันแปลว่าแบบนี้แน่นอนแต่พอมาอ่านคือผิดทั้งหมด ก็เหมือนกับเรานั่งอ่านร้อยแก้ว ร้อยกรองแหล่ะ อะไรที่คิดว่าใช่พอเอามาแปลในรูปประโยคจริงๆมันไม่ใช่เลย เราใช้หนังสือเล่มนี้ประกอบกับการอ่านข่าวและบทความภาษาญี่ปุ่นมันช่วยได้มาก เพราะสำนวนในหนังสือเล่มนี้คือมีเยอะมากก ในหนังสือพิมพ์ของญี่ปุ่น เมื่อนำสำนวนมาเทียบกันแล้วจะได้ใจความที่สมบูรณ์แบบพอดิบพอดี นอกจากสำนวนที่เราต้องเจอบ่อยๆแล้วการอธิบายในแต่ละสำนวนยังอธิบายได้ชัดเจน ติดตรงแค่ว่าเวลาเราอ่านตัวหนังสือมันดูเล็กๆเบียดๆกันยังไงไม่รู้ อาจจะเพราะมันมีเนื้อหาเยอะแต่ถ้าแก้ไขตรงนี้ได้เวลาอ่านจะสบายตามากยิ่งขึ้นค่ะ หนังสือเล่มนี้ถือว่าคุ้มมากๆอีกเล่มหนึ่งเพราะตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายคือจะอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาแทบทั้งสิ้น คืออ่านแล้วแอบลายตานิดๆแต่ก็คุ้มค่า สำนวนในเล่มนี้จะมีแต่ตั้งในระดับต้นจนไปถึงระดับสูงสุก หากเราต้องการแปลบทความง่าย บางตัวติดขัดเรื่องรูปประโยคก็หาอ่านในนี้ได้เจอแน่นอน แต่อาจจะหายากเพราะอย่างที่บอกว่ามันติดกันเป็นพรืด การเน้นตัวหนาในแต่ละสำนวนจะเป็นเหมือนเส้นกั้นว่าจบสำนวนนี้แล้วนะ อีกอย่างที่เลือกซื้อเล่มนี้มาเพราะมีแต่รุ่นพี่แนะนำมาว่า ลองหาซื้อดูนะ ลองอ่านดูนะ พี่ว่ามันช่วยได้ถ้าจำได้เยอะ ความรู้พวกนี้จะมีในข้อสอบPATด้วย ถึงแม้ระดับความรู้เราจะยังไม่ถึงระดับสูงแต่ยังไงๆก็ต้องเจอในข้อสอบอยู่ดี ซื้อมาอ่านดักหน้าไว้เลยดีกว่าจะได้เรียนไปได้เร็วๆ ใช้หมึกสีดำทั้งเล่มแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะเป็นหนังสือเน้นรูปไวยากรณ์ล้วนๆอยู่แล้ว ให้อ่านจบคงจะใช้เวลานานมากๆ ถ้าทยอยๆอ่านไปวันละหน้าสองหน้าเชื่อว่าเข้ามหาลัยไปเมื่อไหร่เราต้องเรียนได้ไวกว่าคนอื่นแน่นอน เพราะการเรียนเรื่องนี้ต้องอาศัยความเข้าใจหากเราอ่านไปก่อนเรียนรู้ไปก่อน เมื่ออาจารย์อธิบายซ้ำเราก็จะเข้าใจมายิ่งขึ้น ซึ่งหนังสือเล่มนี้แหล่ะที่จะเป็นตัวช่วยให้เราในอนาคต เราซื้อมาแล้วไม่ผิดหวังค่ะ ปลื้มมากและคงแนะนำให้รุ่นร้องต่อๆไปค่ะ
เรียนรู้คันจิ  ระดับต้น-กลาง  (Kanji Renshuuchoo)
4
หนังสือดีๆที่ไม่ควรพลาด!!
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 03 กันยายน พ.ศ. 2557

เรียนรู้คันจิระดับต้น-กลาง ..หนังสือสอนภาษาญี่ปุ่นอีกเล่มในชั้นหนังสือ ซื้อมาตอนไปงานหนังสือซุ้มของภาษาญี่ปุ่น เห็นเล่มหนาๆ เนื้อหาดี คิดว่าราคาคงจะ 200 อัพแน่ๆ แต่พอพลิกดูราคาจริงๆแบบแทบตกใจ 150! ถูกมาก เพราะหนังสือเกี่ยวกับภาษาราคามักจะสองร้อยสามร้อย แถมในงานมีส่วนลดอีก เลยซื้อมาได้ในราคา 130 บาท ถามว่าคุ้มไหมขอตอบว่ามาก เพราะในเล่มมีการแบ่งสัดส่วนของ คันจิ คำอ่าน ความหมาย พร้อมแบบฝึกหัดให้ทำทบทวนความจำทุกๆ 5 ตัว หนังสือเล่มนี้มีคันจิทั้งหมด 402 ตัว ซึ่งสี่ร้อยสองตัวนี้คือในระดับต้นและกลางนิดๆเท่านั้น ถ้าเทียบก็คงจะเป็นระดับ N5-N4 ในการเรียนภาษาญี่ปุ่นนอกเหนือจาก ไวยากรณ์ การผันคำกริยาแล้วก็มีตัวคันจินี้แหล่ะที่น่าปวดหัวมากที่สุด คันจินั้นมีมากมายหลายตัวมากๆ ทั้งแบบผสมกับตัวคานะ และแบบผสมกันเอง และแบบเดี่ยวๆ ซึ่งตัวเดี่ยวๆนี้เป็นส่วนประกอบของคันจิตัวผสมฟังดูเหมือนงง แต่ก็งงจริงๆ คิดดูแค่ตัวเดียวยังทำแบบตาย นี่คือเอาตัวเดี่ยวๆนั้นมารวมกันแถมความหมายเปลี่ยนอีก! ถ้าไม่มีหนังสือไว้ติวแล้วจำได้หมดเนี่ยเทพสุดๆ หนังสือเล่มนี้ช่วยได้มากเพราะเราเรียนไปแค่หน้าเดียว(มี 5 ตัว) ก็จะมีแบบฝึกหัดให้เราทวน ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทั้งเล่ม ความจริงอยากให้ใช้กระดาษถนอมสายตาด้วยแต่ในราคาที่ถูกแสนถูกนี้ก็ถือว่าโอเคสุดๆแล้ว ในชีวิตจริงที่เราจะต้องเจอเวลาทำงานเกี่ยวกับสายภาษาญี่ปุ่นก็คือคันจิอย่างน้อย 2500 ตัว แค่เห็นจำวนลมก็แทบจับแล้ว หากไม่มีการปูพื้นฐานมาอย่างดีแล้ว เมื่อต้องเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆมันจะทำให้สมองเราเออเร่อค่ะ หนังสือเล่มนี้เป็นเสมือนกับเลคเชอร์คันจิ เพราะเนื้อหากล่าวไม่ละเอียดมากเอาเฉพาะสิ่งที่ต้องจำจริงๆ ใช้เวลาทบทวนหลังอ่านเสร็จไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ก็เริ่มแม่นแล้วค่ะ เพราะเมื่อกลับมาทวนเราจะเหมือนอ่านสรุปไปในตัวโดยไม่ต้องใช้ปากกาเน้นข้อความเลย ประหยัดเวลาเราไปได้เยอะเพราะเวลาที่จะต้องทบทวนนั้นมีน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนเนื้อหาที่มาเป็นเข่ง ดังนั้นการอ่านหนังสือในช่วงนี้ก็คือการใช้เวลากับหนังสือแต่ละเล่มให้น้อยที่สุดและจดจำข้อมูลให้ได้มากที่สุด ซึ่งหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เราประหยัดเวลาได้แถมยังจำเนื้อหาได้ดีอีกด้วย การจดจำคันจิเคล็ดลับคือการจำมันเป็นภาพเพราะมันเป็นอักษรภาพ ใช้หลักการนี้จำทั้งคำอ่าน คำแปล ตัวอักษรยังไงก็เป๊ะแน่นอน ใครที่กำลังศึกษาคันจิอยู่เราขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ เพราะจะว่ายากก็ยากจริง แต่หากเรามีตัวช่วยและมีหลักในการเรียนรู้เชื่อว่าเราจะสามารถเรียนรู้ได้ในเวลาที่รวดเร็วแน่นอนค่ะ
4
รีวิวหนังสือ กว่าจะเป็น 26 สุดยอดสินค้าขายดีของญี่ปุ่น
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หนังสือเล่มนี้ตอนแรกคิดว่าจะน่าเบื่อ เพราะดูจากชื่อหน้าปก คงคิดว่าจะบรรยายความเป็นมาของสินค้าญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียง แต่พอเปิดเข้าไปดูเนื้อหาแล้ว ปรากฏว่าเนื้อหาภายในหนังสือเป็นการ์ตูนที่เล่าเรื่องราวต่างๆได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งผู้เขียนได้เล่าเรื่องราวความเป็นมาของสินค้ายอดฮิตจากประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 26 สินค้าให้เข้าใจได้ง่าย ประกอบกับภาพการ์ตูนที่น่ารัก อย่างเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิสชิน ซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าแรกที่มีในท้องตลาด ผู้เขียนได้วาดภาพการ์ตูนซึ่งเป็นตัวละครแทนบุคคลต่างๆในเหตุการณ์ตอนนั้น เพื่อเล่าเรื่องราวความเป็นมาว่าผู้ที่คิดค้นได้แรงบันดาลในการผลิตนิสชินมาจากไหน ซึ่งเมื่อได้อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่า ผู้คิดค้นเป็นคนที่มีหัวคิดดีมาก จากที่จะทำราเมนขายเหมือนคนอื่นทั่วไป กลับคิดว่าจะทำยังไงให้ราเมนนี้สามารถเก็บได้ไว้นานๆ พอได้ไปเห็นเทมปุระจึงเกิดแรงบันดาลใจขึ้น โดยการนำเส้นราเมนมารีดน้ำออกให้แห้ง แล้วทำเป็นเส้นหยักๆเพื่อที่จะสามารถขดเป็นก้อนกลมๆได้ แล้วจึงทำน้ำซุปเป็นรสไก่เพื่อใช้ราดกับก้อนบะหมี่ จากนั้นจึงได้มีการพัฒนาที่หลากหลาย จากที่เคยทำแต่รสไก่เพียงรสเดียว จนมีผู้ลอกเลียนแบบและผลิตตามกันมามากมาย เจ้าของจึงคิดพัฒนาเป็นรสชาติอื่นๆ พร้อมทั้งใส่เครื่องปรุงเป็นผักและเนื้อสัตว์อบแห้ง รวมทั้งเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์จากซองเป็นถ้วย และใช้สโลแกนที่ว่าใส่น้ำร้อนเพียง 3 นาทีก็สามารถรับประทานได้แล้ว ซึ่งตัวการ์ตูนก็ได้เล่าความเป็นมาเป็นไปได้อย่างสนุกสนาน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เรียงลำดับเหตุการณ์ได้ดี
สินค้ายอดฮิตบางชิ้นนั้นเมื่ออ่านแล้วก็ไม่คิดว่าจะมีที่มาจากประเทศญี่ปุ่นเลยด้วยซ้ำ เพราะเคยเห็นโฆษณาสินค้าเหล่านี้มาจากทางยุโรป เช่น หมากฝรั่งลอตเต้ หรือโซนี่วอล์คแมน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคนญี่ปุ่นจะเป็นคนที่คิดค้นสินค้าที่ว่ามานี้ หนังสือเล่มนี้นอกจากจะให้ความเพลินเพลินในการเล่าเรื่องราวผ่านตัวการ์ตูนแล้ว ผู้อ่านยังจะได้แรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ ที่สามารถเจริญเติบโตมาจากเพียงแนวคิดเล็กๆ และค่อยๆขยายจนมีชื่อเสียงได้ รวมทั้งยังจะได้เห็นถึงความสู้งาน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคของผู้บริหาร ได้เห็นถึงแนวความคิดและวิสัยทัศน์ที่จะทำสินค้าใหม่ๆให้แตกต่างกับคู่แข่งคนอื่น และเมื่อสินค้าได้ติดตลาดแล้ว ผู้บริหารก็ยังไม่หยุดพัฒนาและมีการปรับปรุงสินค้าให้ทันสมัย เข้ากับยุคปัจจุบันอยู่เสมอ จึงเป็นแนวคิดที่ดีสำหรับผู้ที่เริ่มคิดจะทำธุรกิจ เพียงแค่ไอเดียที่จุดประกายเพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อให้เกิดธุรกิจระดับโลกได้ ซึ่งถ้าสังเกตแล้ว ผู้บริหารทุกคนเมื่อเกิดไอเดียในหัวขึ้นก็ไม่เคยที่จะปล่อยให้ไอเดียนี้เลยผ่านไป จะคิดหาวิธีต่อยอดไอเดียของตนเองตลอดเวลา เป็นเหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้บุคคลเหล่านี้ประสบความสำเร็จและมีสินค้าเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
พูดญีปุ่น แม่นยำทุกสถานการณ์
4
รีวิวหนังสือ พูดญี่ปุ่นแม่นยำทุกสถานการณ์
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

“ พูดญี่ปุ่นแม่นยำทุกสถานการณ์” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการสนทนาโดยตรง ไม่มีไวยากรณ์และเนื้อหาอื่นๆละเอียดมากนัก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยว และพูดประโยคง่ายๆในสถานการณ์ต่างๆได้ ซึ่งจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ก็คือการพูดคุยที่ไม่เป็นทางการ คือแต่ละประโยคจะไม่ดูเป็นทางการมากจนเกินไป เช่น บังเอิญจัง ฉันก็เหมือนกัน ... คำนี้ปรากฏในบท B.จะนัดไปเที่ยวที่ไหนดี ซึ้งดูแล้วสามารถพูดได้กับคนในวัยเดียวกันโดยไม่ทำให้เกิดความเหินห่างจากประโยคที่ดูเป็นทางการ ในแต่ละบทจะมีความรู้หรือเกร็ดเล็กๆน้อยๆจากประเทศญี่ปุ่นเช่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว บอกถึงนิสัยการพูด การโต้ตอบของคนญี่ปุ่นเพื่อให้เราเดาสถานการณ์ได้ว่าผู้พูดรู้สึกอย่างไร เนื้อหาด้านในพิมพ์ด้วยหมึก4สี มีภาพประกอบทุกหน้า ไม่ว่าจะเป็นรูปจริงหรือการ์ตูน เนื้อหาแต่ละบทครอบคลุมในทุกๆเหตุการณ์ที่เราต้องเจอในแต่ละวัน ตั้งแต่การขึ้นรถ สั่งของ ถามทาง ขึ้นรถไฟ หรือแม้กระทั่งการจีบสาว การเข้าไปทำความรู้จักกับคนที่ถูกใจก็ยังมี เรียกได้ว่าพกเล่มเดียวก็เที่ยวได้ยังไงอย่านั้นแหล่ะ หนังสือมีขนาดA5พับครึ่งแนวตั้ง เหมาะแก่การพกพาไปท่องเที่ยวเพราะไม่ดูเกะกะของในกระเป๋า ความจริงตอนซื้อหนังสือเล่มนี้มาไม่ได้เพื่อติดตัวไปเที่ยวอะไรนะ แต่ประทับใจประโยคในแต่ละสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกันหนังสือเล่มอื่น ตอนแรกเห็นหนาๆก็นึกว่าจะมีน้ำหนักที่มากพอสมควร แต่เมื่อลองจับดูแล้วปรากฏว่ามีน้ำหนักที่เบากว่าหนังสือเล่มอื่นที่มีจำนวนหน้าน้อยกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งก็ต้องชื่นชมทั้งคนแปล และคนคิดรุปลักษร์ของมันด้วยเพราะว่ามันตอบโจทย์หนังสือสำหรับนักท่องเที่ยวจริงๆ ท้ายเล่มมีแผ่นซีดีสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกพูดให้สำเนียงใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา เป็นแผ่นซีดีขนาดเล็กแต่ก็ใช้ได้กับเครื่องเล่นปกติทั่วไปเพียงแต่มันมีรูปร่างที่กะทัดรัดกว่า นอกจากจะบอกประโยคในแต่ละเหตุการณ์แล้วยังบอกวิธีการยื่นเอกสาร ลงทะเบียนห้องพัก และการต่อรองราคา มารยาทที่เราจำเป็นต้องรู้ ตัวอย่างเช่น ‘คนญี่ปุ่นจะเป็นคนตรงต่อเวลาและรักษาคำพูดเมื่อไปทำงานที่นั้นการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก’ รวมถึงเรื่องนิสัยของคนญี่ปุ่นที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเช่น ‘คนญี่ปุ่นถือมารยาทเป็นเรื่องสำคัญหากไม่พอใจก็จะไม่พูดอะไรตรงๆ แต่จะตอบกลับด้วยความสุภาพซึ่งยากมากที่จะเดาอารมณ์ของแต่ละคนได้’ เมื่อเทียบราคากับหนังสือรูปแบบเดียวกันกับเล่มอื่นที่วางขายแล้วยังถือว่าราคายังสูงอยู่ ซึ่งหากเป็นคนที่มีจำนวนทรัพย์ไม่มากนั้นก็คงจะต้องบอกลาหนังสือเล่มนี้ แต่หากเปรียบเทียบกับคุณภาพแล้วก็เรียกได้ว่าราคาและคุณภาพนั้นสมน้ำสมเนื้อกันทีเดียว
20 หัวข้อเด็ด พิชิตไวยากรณ์ญี่ปุ่นชั้นต้น
5
รีวิวหนังสือ ไวยากรณ์ญี่ปุ่นชั้นต้น
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หนังสือในเครือของ OKLS วึ่งเราเคยไปเรียนที่สถาบันนี้อยู่ในระยะสั้น การสอนถือว่าโอเคจึงทำให้มั่นใจในการสื่อสารของเครือนี้ ด้านในเนื้อหาจะแบ่งเป็นระดับชั้นใหญ่เอาไว้ตั้งแต่ ม.4 เทอม1-ม.6เทอม2 ซึ่งก็คือไวยากรณ์ในระดับต้นที่เราจำเป็นต้องรู้ก่อนเข้าสู่รั้วมหาลัยค่ะ ไวยากรณ์ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้จะอ้างอิงมาจากหนังสือแบบเรียนญี่ปุ่น เช่น มินนะโนะนิฮงโกะ ,อะกิโกะโทโมดาจิ เป็นต้น ดังนั้นหากเราเรียนแบบเรียนจบไปแล้วต้องการทบทวนไวยากรณืก็ไม่จำเป็นต้องไปรื้อหนังสือเป็นสิบๆเล่มออกมากองแล้วไล่อ่าน คืออ่านเล่มนี้เล่มเดียวจบว่างั้นเถอะ เราอ่านไปสักพักก้เห็นถึงความแตกต่างนะคือรูปประโยค โคลงสร้างไม่ต่าง แต่การอธิบายจะแตกต่างกันถ้าถามว่าอันไหนจะอ่านแล้วรู้เรื่องง่ายกว่ากัน อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราชอบแบบไหนมากกว่ากันค่ะ ไม่ต่างกันมากขนาดคนละฟ้าละเหว แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของเทคนิคการจำ ซึ่งในหนังสือเล่มนี้จะอธิบายสั้นกว่าหนังสือ แต่เราก็ต้องอาศัยเรื่องที่เคยผ่านตามาแล้วจึงทำความเข้าใจได้เร็วเหมือนเป็นการทวนมากกว่าการเริ่มเรียน เพราะคันจิทุกตัวในหนังสือเล่มนี้จะไม่มีคำอ่านกำกับไว้เหมือนในแบบเรียน คนที่ผ่านหูผ่านตามาก็จะเข้าใจ เนื้อหาจัดเรียงไว้ค้นหาง่าย เล่มก็ไม่หนามาก พอดีๆพกพาสะดวก ซึ่งหนังสือเล่มนี้เราได้รับการแนะนำจากรุ่นพี่มาอีกที ว่ามันดีนะ ทบทวนได้เร็วนะ เลยไปหาซื้อมาอ่าน ในแต่ละหัวข้อของไวยากรร์จะคาดด้วยสีส้มใหญ่ๆ ดูโดเด่น กระดาษถนอมสายตาอ่านแล้วไม่แสบตา แต่ง่วงนอน555 ไม่รู้ว่าทำไมอ่านได้ไม่เกิน4หน้าจะง่วงตลอด อันนี้ไม่โทษสำนักพิมพ์ โทษตัวเองที่ขี้เกียจ55 อีหนึ่งประการที่อยากจะชื่นชมก็คือเรื่องของราคา ตอนแรกๆที่เห็นคาดเอาไว้เลยว่าหนังสือแบบนี้ราคาต้อง250อัพแน่ๆ แต่พอพลิกดูราคาต้องตกใจ แค่200เอง ถูกมากก ในระดับที่เป็นหนังสือของภาษาต่างประเทศ บางที่ก็จะมีส่วนลดประจำโปรโมชั่นหรือตามช่วงเวลาต่างๆอีกทำให้เราซื้อมาได้ในราคาไม่ถึง200บาทด้วยซ้ำๆ ใครที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลสอบก็ลองหาซื้อมาอ่านทบทวนดูนะค่ะ ราคาไม่แพง คุณภาพดีมีการจัดรุปแบบตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายได้ดี อธิบายเข้าใจแต่ย้ำว่าต้องมีความรู้พื้นฐานมาก่อนจริงๆเรื่องคำศัพท์ หรือตัวอักษณเพราะฉะนั้นให้ตายก็ไม่เข้าใจเพราะจะแยกไม่ออกมาไหนเป็นประธาน ไหนเป็นกรรมซึ่งเป็นเนื้อหาหลักของหนังสือเล่มนี้เลย ปูพื้นฐานมากับหนังสือแบบเรียนสักนิดแล้วมาเริ่มอ่านด้วยกันค่ะ เราซื้อมาไม่ผิดหวังอยากให้เพื่อนๆลองดูนะ
ไขความลับ คุณศัพท์ภาษาญี่ปุ่น
5
รีวิวหนังสือ ไขความลับ คุณศัพท์ญี่ปุ่น
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การเรียนภาษาญี่ปุ่นเราจะต้องเจอจำพวกคำช่วยต่างๆคล้ายกับภาษาไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคำคุณศัพท์ซึ่งมันจะมีเยอะมาก มีให้จำไม่หวดไม่ไหว ไหนจะต้องมีการผันรูปอีกเรียกว่าเป็นช่วงหนึ่งของการเรียนที่น่าปวดหัวมากทีเดียว หนังสือ “ ไขความลับคำคุณศัพท์ญี่ปุ่น” เล่มนี้แหล่ะที่ช่วยให้อะไรๆมันดูง่ายขึ้น มีการจัดระบบจัดหมวดหมู่แบ่งแยกเนื้อหาจากง่ายไปยาก ซึ่งมันจะทำให้เราค่อยๆปรับตัวรับข้อมูลไปทีละนิด มีการเน้นช่วงคำคุณศัพท์เป็นสีต่างๆให้เราแยกแยะสำนวนได้ การอธิบายเสริมหรือหลักก็เข้าใจง่ายดี ในแต่ละบทจะมีการยกตังอย่างประโยค ตัวอย่างหลายๆแบบที่เราจะต้องเจอในข้อสอบ เราก็อ่านๆๆเข้าไป จำได้ไม่ได้ก็ยังถือว่ามีกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิม คือช่วงแรกๆที่เรียนก็ถอยหนังสือเล่มนี้มาเลยจ่ะ ฮิระกะนะ คะตะกะนะ งี้ไม่ได้แตะ แต่ไม่รู้ทำไมอ่านทั้งๆที่ยังอ่านไม่ออกแต่มันก็เข้าใจได้ว่า จะต้องเป็นแบบนี้นะ วางไว้ตรงนี้นะ เมื่อเรียนตัวอักษรจบกลับมาอ่านอีกครั้งเอ้า ! ทำไมมันงงกว่าเดิมอ่ะ 555 อาจจะเป็นเพราะเราห่างกับมันมานานมากพอสมควร โคลงสร้างอะไรก็ลืมๆไปหมดแล้ว แต่บางอย่างถึงจำไม่ได้แต่ว่ามันก็คุ้นตา ใช้เวลาทวนไม่ถึงอาทิตย์ก็ชิน คือถ้าเราจับประเด็นสำคัญของรูปประโยคได้มันจะง่ายขึ้นมากๆเวลาเรียนภาษาญี่ปุ่น ซึ่งวิธีที่จะทำให้เราชินและเข้าใจรูปประโยคก็คือต้องเจอประโยคในหลายๆรูปแบบ เจอในหลายๆประเภท ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่เหมือนกัน ใช้ต่างกัน และวางตำแหน่งไม่ใช่ที่เดียวกัน หากจำแต่รูปประโยคขึ้นต้นเพียงอันเดียว เวลาเจอในข้อสอบจริงๆนี่คือคนละเรื่องกันเลย การฝึกให้ชินจึงช่วยได้มาก โชคดีที่ได้หนังสือเล่มนี้มาครอง เพราะมีรูปประโยคหลากหลาย ไม่ซ้ำกัน และไฮไลท์ส่วนสำคัญที่เราจะต้องจำหลักไว้ชัดเจน ตัวอย่างเช่นคำว่า ..โตะเดโม แปลว่า มาก ...เราจะใช้คำคุณศัพท์คำนี้ต่างกันในแต่ละโอกาสซึ่งอาจจะวางไว้หลังกริยาหรือประธานมันก็ขึ้นอยู่กับรูปประโยคที่เราต้องการจะพูดหรือเขียน ดังนั้นการเรียนภาษาจะเรียนรู้เองได้ต้องอาศัยการจำหลักสำคัญ ซึ่งแต่ละคนจะมีไม่เหมือนกันแล้วแต่ว่าเราจะจำแบบไหน หนังสือเองก็มีส่วนช่วยได้มากกับการจำ ยิ่งต้องจำเยอะๆแบบนี้แล้วด้วยทำเอาควันขึ้นหัวเลย ท้ายเล่มจะมีคำคุณศัพท์บอกเอาไว้ เยอะมากกก คำพวกนี้ที่เราจะต้องเจอบ่อยๆ หากจำได้มากเท่าไหร่ก็จะได้เปรียบคนอื่นมากเท่านั้น เพื่อนๆที่กำลังเรียนหรือศึกษาอยู่ จะซื้อหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ต้องคิดมากเลยค่ะ เพราะคุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอน เราอ่านเองไม่ผิดหวังแถมราคาก็ไม่แพงด้วยจ้า
500 คำถามตะลุย JLPT N1
2
รีวิวหนังสือ 500คำถาม ตะลุยJLPT
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

500คำถาม ตะลุย JLPT… หนังสือในเครือของ ส.ท.ส เป็นหนังสือประเภทให้ฝึกทำข้อสอบเพื่อทบทวนความรู้ ในระดับนั้นๆ ในเล่มพิมพ์ด้วยหมึกขาว-ดำ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหานักเพราะไม่ใช่หนังสือพวกเรียนรู้และท่องจำ หนังสือเล่มนี้เรียกได้ว่าทวนทุกๆด้านที่จะต้องใช้สอบในการสอบวัดระดับภาษา มีพาทตัวอักษร คำศัพท์ และไวยากรณ์ หนังสือหลายๆเล่มที่วางขายจะแยกเนื้อหาออกมา ไวยากรณ์เล่มหนึ่ง คันจิเล่มหนึ่ง ทำให้พกพาไปตามที่ต่างๆลำบาก แต่เล่มนี้มีรูปแบบกะทัดรัด และรวบรวมข้อมูลต่างๆไว้ด้วยกัน เนื่องจากรูปแบบหนังสือก็แสดงอยู่แล้วว่าเป็นแนวข้อสอบให้ฝึกทำทบทวนความจำ แต่ในบางครั้งการสอบทวนแต่ละรอบก็จำเป็นต้องรู้หลักไวยากรณ์หรือเนื้อหาที่จะออกในแต่ละพาท ซึ่งในหนังสือไม่ได้ทวนให้เลย อีกทั้งเล่มแรกเป็นเล่ม N5-N4 มีแนวข้อสอบครอบคลุม2ตระดับซึ่งก็ถือว่ามันยังกว้างไปเพราะการสอบวัดระดับสองตัวนี้มีความห่างกันเรื่องไวยากรณ์ คันจิ คำศัพท์ มากพอสมควรการเอามารวมกันทำให้ผู้อ่านที่ต้องการทดสอบทำในระดับ N5 รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเพราะเนื้อหามันรวมกัน คล้ายๆกับว่าเล่มนี้ทำขึ้นเพื่อทวนผู้ที่ต้องการสอบในระดับ N4 เสียมากกว่าและอยากให้เพิ่มเติมพาทของการฟังเข้าไปด้วยเพราะถือว่ามันยากที่สุดในการสอบแล้ว หน้าแรกของหนังสือได้ชี้แจงวิธีการใช้ไว้เรียบร้อยแล้วโดยรวมก็ถือว่าใช้ง่าย โดยยึดหลักให้เราทำแบบทดสอบก่อนวันสอบวัดระดับ4อาทิตย์เรียงเป็นวันให้เราทำเลย ก็สะดวกดี และช่วยดัดนิสัยขี้เกียจไปได้บ้าง เฉยก็เฉยได้ละเอียดดี แต่อย่างที่ว่าผู้อ่านที่ยังมีความรู้เทียบแค่ระดับ N5 อ่านเฉลยก็จะงงๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าที่ควร ตัวข้อสอบก็อยู่ในระดับที่ดี มีจากง่ายไปยากและค่อยๆเพิ่มความยากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป มีจำนวนคำศัพท์บอกว่าตัวนี้เป็นตัวที่เท่าไหร่ ไวยากรณ์และตัวอักษรก็เช่นเดียวกัน เรียกว่าจัดระเบียบหนังสือได้น่าอ่าน และดูมีอะไรมากกว่าหนังสือทำข้อสอบเพียงอย่างเดียว มีลูกเล่นให้คนอ่านรู้สึกสนุกและทำข้อสอบไปเรื่อยๆได้โดยไม่เบื่อ โดยรวมแล้วถือว่าค่อนข้างพอใจกับหนังสือเล่มนี้ แต่ข้อที่ควรปรับปรุงก็มีอยู่พอสมควรคือเรื่องการทวนเนื้อหาเล็กๆน้อยๆก่อนการทำข้อสอบ และการแบ่งหนังสือ ออกอีก1เล่ม คือแยก n4 –n5 ออกจากกันเพื่อที่ว่าคนที่ต้องการทำของอีกระดับหนึ่งจะได้ทำแยกๆไปเลยไม่งงดี การมีเฉลยในหน้าถัดไปเลยก็ถือว่าเป็นข้อดีเช่นกันคือไม่ต้องพลิกไปพลิกมาทำแล้วตรวจเลยจะได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง สุดท้ายนี้ยังเชื่อมั่นว่าข้อผิดพลาดนาๆประการจะได้รับการปรับปรุงและสิ่งที่ดีอยู่แล้วจะดียิ่งๆขึ้นไปอีก ขอบคุณทางสำนักพิมพ์ที่ผลิตหนังสือดีๆแบบนี้ออกมาจำหน่ายค่ะ
5
รีวิวหนังสือ Mind map japanese
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

“Mind map japanese” จากสำนักพิมพ์พราว เรียกว่าเป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ประทับใจมากคือซื้อมาแล้วไม่ผิดหวัง รูปลักษณ์ภายนอกมีสีสันสดใส มีการตกแต่งที่เมื่อได้เห็นครั้งแรกจะต้องหยิบขึ้นมาอ่านเป็นแน่ หนังสือเล่มนี้มีข้อมูลและเนื้อหาครอบคลุมทั้ง การสนทนา ไวยากรณ์ ตัวอักษร เกร็ดความรู้ ง่ายๆคือรวมทุกอย่างที่เป็นภาษาญี่ปุ่น ที่ประทับใจที่สุดคือการอธิบายไวยากรณ์และคำศัพท์ที่มีมากถึง21หมวดหมู่ 1,300คำ แต่ละคำจะมีรูปประกอบน่ารักทำให้อยากจะหยิบขึ้นมาอ่านบ่อยๆ นอกจากนี้ยังแยกเนื้อหา อธิบายการเรียงประโยคอย่างละเอียด มีการผันรูปให้ดู และมีการตอบคู่สนทาตามวาระโอกาสและสถานภาพต่างๆอีกด้วย ตามชื่อหนังสือเลยว่า mind map คือการสื่อสารข้อมูลจากภาพ และแผนผังซึ่งทำให้เราจดจำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งหนังสือเล่มนี้พิมพ์4สีทั้งเล่ม เนื้อหาเยอะและครอบคลุม มีการออกแบบหนังสือสวยงาม แต่เนื่องจากมันมีจำนวนหน้าที่เยอะก็อาจจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักและการพกพาที่ลำบากอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าดูเกะกะข้าวของในกระเป๋าเท่าไหร่หากจะพกไปโรงเรียนด้วย ในประโยคสนทนานอกจากจะมีวิธีการถามการตอบแล้วยังมีเนื้อหาแยกย่อยออกมาอีกในเรื่องของ อายุ เช่น ตอบแบบกันเอง/แบบสุภาพและดูเป็นทางการ ทำให้เราสามรถเลือกได้ได้หลากหลายรูปแบบ ทุกๆประโยค คำศัพท์ หรือเป็นตัวอักษรญี่ปุ่นจะมีคำอ่านทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษกำกับไว้เสมอทำให้เราอ่านได้สะดวกและถูกต้อง อกจากนี้ยังมีการเขียนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวอักษรฮิระกะนะและคันจิแยกบรรทัดกันเอาไว้อีกด้วย สำหรับเราซึ่งเรียนอยู่ในระดับที่ยังไม่สูงพอที่จะอ่านและเขียนคันจิได้ ก็สามารถอ่านออกและเลือกอ่านตัวด้านบนได้ ในเนื้อหาบทแรกๆจะมีการทวนเรื่องตัวอักษรไว้เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ละเอียดเท่าที่ควร คล้ายกับว่าจะเน้นไปที่เรื่องของคำศัพท์และบทสนทนาเสียมากกว่า ซึ่งท้ายเล่มก็มีแผ่นซีดีแถมให้1แผ่นเพื่อให้เราได้ฝึกฟังประโยคต่างๆจากเสียงเจ้าของภาษา หนังสือเล่มนี้จะดีมากกกกกๆ กว่านี้อีกหากมีแบบฝึกหัดทบทวนให้เล็กๆน้อยๆก่อนจบเล่ม ซึ่งก็อาจจะเป็นเจตนาของผู้เขียนแต่เรียกอยู่แล้วว่า ทำหนังสือเล่มขึ้นขึ้นมาเพื่ออ่านและศึกษาข้อมูลเป็นหลัก เพราะการเน้นคำศัพท์ของเล่มนี้แหล่ะที่ทำให้ในการเขียนประโยคง่ายๆเราก็แอบๆม่เปิดดูคำศัพท์จากนี้มากกว่าการเปิดพจนานุกรมเสียอีก เพราะมันหาอ่านง่ายและจำแนกไว้เป็นหมวดหมู่ชัดเจน สำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับต้นแล้วการซื้อหนังสือเล่มนี้เอาไว้เป็นตัวช่วยในการเรียนการสอนก็จะดีมาก เพราะเนื้อหาจริงๆที่ต้องใช้สอบหนังสือเล่มนี้มีน้อยมากเน้นการสนทนา คำศัพท์เสียมากกว่า จึงเหมาะที่จะใช้เป็นหนังสือเรียนเสริมนอกตำรา และยังเป็นหนังสือเล่มโปรดที่เราพกไปเสมอเวลาออกไปเรียนและออกไปเที่ยงยังที่ต่างๆ เพราะเนื้อหาที่มีมาก ทำให้เราอ่านได้เรื่อยๆ ไม่เบื่อ คล้ายกับการเรียนเสริมนอกตำรา
รวมศัพท์ภาษาญี่ปุ่น ฉบับนักเรียน (ชำนาญ ทองแถม)
5
รีวิวหนังสือ รวมศัพท์ภาษาญี่ปุ่น ฉบับนักเรียน
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

‘ รวมศัพท์ภาษาญี่ปุ่น ฉบับนักเรียน’ เรียบเรียงโดย คุณชำนาญ ทองแถม หนังสือคำศัพท์ขนาดเล็กกระทัดลัด เชื่อว่าทุกคนเคยมีปัญหาเวลาอ่านหนังสือแล้วไม่รู้ศัพท์ต้องแปลคำนั้นคำนี้ แต่การพกพาพจนานุกรมเล่มหนาๆค่อนข้างลำบากและหนักกระเป๋า นี่เป็นเหตุผลหลักเลยที่ทำให้เราซื้อหนังสือเล่มนี้เพราะในหนังสือแบบเรียนภาษาญี่ปุ่นที่เรียนอยู่นั้นมักจะมีคำศัพท์แปลกใหม่เพิ่มเข้ามาในแต่ละบทเสมอ ซึ่งบทเรียนที่เรียนนั้นยังเป็นหนังสือระดับต้นเมื่อต้องการจะค้นหาคำศัพท์แต่ละทีค่อนข้างลำบากและเล่มมันก็หนาเตอะ แต่หนังสือเล่มนี้ถือว่าตอบโจทย์เพราะจะรวบรวมเอาคำศัพท์จากหนังสือแบบเรียนและเน้นในระดับภาษาญี่ปุ่น N5-N4 เท่านั้นเพราะฉะนั้นจะครอบคลุมและมีรูปร่างเล็กไว้พกพาสะดวก การแบ่งหมวดหมู่ก็เป็นเช่นเดียวกันกับหนังสือแปลศัพท์ทั่วไปจะเรียงจากตัวอักษรตัวแรกไปถึงตัวสุดท้าย บทแรกจะอธิบายว่าคำย่อในแต่ละแบบนั้นมีความหมายว่าอย่างไร ใช้อย่างไรทำให้เราเข้าใจและไม่เกิดข้อสงสัยเวลาค้นหาศัพท์ หนังสือเล่มน้อยเล่มนี้ช่วยได้มากในการทบทวนเนื้อหาการเรียนการสอน มีพกเอาไว้ในห้องเรียนมันช่วยให้เราหาศัพท์ได้ไวกว่าเพื่อน ไม่เสียเวลาเปิดข้ามเนื้อหาที่ไม่มีในบทเรียน แต่ก็ใช่ว่าจะพึ่งเล่มนี้แล้วไม่สนใจเล่มใหญ่เพราะยังไงยังไงก็ยังต้องใช้มันอยู่ดี เพียงแต่เล่มนี้จะใช้สะดวกในเวลาเรียนมากกว่าอีกอย่างคือเล่มไม่หนาพกพาง่าย ใช้งานสะดวกก่อนสอบท้ายบทเรียนก็จะต้องทวนคำศัพท์ที่เคยเรียนมาใช่ไหม เวลาทวนก็จะอ่านเล่มนี้ประกอบไปด้วยเพื่อเสริมในบางคำที่เราไม่รู้ คำศัพท์ในเล่มนี้มักจะอ้างอิงมาจากหนังสือแบบเรียนภาษาญี่ปุ่นทั้ง อะกิโกะโทโมดาจิ และ มินนะโนะนิฮงโกะ ซึ้งสองเล่มนี้เป็นแบบเรียนหลักๆที่ทุกโรงเรียนที่เปิดสอนสายศิลป์ญี่ปุ่นจะต้องมี ทำให้คำศัพท์ที่ต้องการหาจะอยู่ในเล่มแน่ๆนั่นคือการเอาเข้าไปเป็นหนังสือเรียนเสริมได้แน่นอน การสอบ JLPT นั้นจะมีพาทของคำศัพท์อยู่เช่นเดียวกัน ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ก็จะเรียกว่าเป็นการทวนคำศัพท์ที่เราจะต้องใช้สอบในระดับต้น แถมในบรรทัดด้านข้างยังมีคำที่เขียนด้วยคันจิบอกเอาไว้ด้วย อ่านทวนเล่มเดียวได้ศัพท์ทั้งพามปกติและคันจิไปพร้อมๆกัน สำหรับเราซึ่งเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่สามนั้นต้องบอกว่าชอบและพอใจมาก เนื้อหาอยู่ในระดับดี การจัดเรียงหน้าตามมาตรฐานของหนังสือศัพท์ อ่านแล้วไม่หลงไม่งง เล่มก็เล็กเอาไปไหนมาไหนด้วยได้ เนื้อหาไม่มากจนเกินไปเพราะมันจำกัดอยู่ในระดับต้น รวมศัพท์ฉบับนักเรียนเล่มนี้ช่วยได้มากสำหรับนักเรียนศิลป์ภาษา อยากให้ทางผู้เรียบเรียงและสำนักพิมพ์ผลิตหนังสือดีๆเช่นนี้ต่อไปในภายภาคหน้า
ชุดนักสืบเทพนิยาย เล่ม 01 ไขคดีแจ็ กผู้(ไม่)ฆ่ายักษ์ (ไมเคิล บักลีย์)
4
รีวิวหนังสือ นักสืบเทพนิยาย ไขคดี แจ็คผู้(ไม่)ฆ่ายักษ์
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เรื่องราวการผจญภัยของสองพี่น้องตระกูลกริมที่ต้องมาอยู่กับย่าผู้ซึ่งไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ในเรื่องซาบรีนาและดาฟเน่ ต้องใช้เวลานานพอสมควรเพื่อนที่จะเปิดใจรับย่าว่าเป็นย่าแท้ๆของตนเอง ดูจากเนื้อเรื่องซาบรีนาจะเป็นคนที่มีอคติต่อย่ามากที่สุด มองในมุมร้ายเสมอต่างกับดาฟเน่ที่เชื่อใจและคิดว่าย่าไม่มีพิษภัยตั้งแต่ครั้งแรกเห็น นิสัยของสองพี่น้องดีและไม่ดีต่างกันในสถานการณ์ต่างๆ นิสัยการไม่เชื่อใจใครง่ายๆและหัวดือของซาบรีนาทำให้ทั้งคู่รอดพ้นจากภัยร้ายๆได้มากมาย แต่ในขณะเดียวกันความเชื่อคนง่ายและไม่มากเรื่องของดาฟเน่ก็ทำให้ทั้งคู่ได้ดำเนินไปในทางที่ถูกต้องเช่นกัน นวนิยายเรื่องนี้ใช้ภาษาเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ มีการบรรยายลักษณะตัวละครจากคำพูดและบทสนทนาไว้ชัดเจน แต่จะมีบางประโยคที่มันขัดๆคืออ่านแล้วไม่ไหลลื่นแต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น การสร้างเงื่อนปมของตัวละครของแต่ละตัวทำได้สนุกสนานและน่าติดตามในเล่มต่อๆไปมาก ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนปมของพ่อบ้าน ที่อ่านยังๆก็ต้องมีเฉลยในเล่มต่อๆไปแน่ การผูกเรื่องราวให้โยงไปยังเล่มอื่นๆก็เขียนได้แนบเนียนไม่ดูพยายามจะโยงมากจนเกินไป อ่าแล้วเพลินอยากจะอ่านต่อให้จบไม่อยากวางหนังสือเลย สมกับที่ได้รางวัลหนังสือนวนิยายดีเด่น เรื่องนี้จะออกแนวผจญภัยโดยอาศัยนิทานที่เราได้อ่านมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งนามสกุล กริมม์ ก็เป็นนามสกุลของผู้แต่งนิทานที่เราได้เล่ากันปากต่อปากมาเช่นเดียวกัน ตรงนี้แหล่ะที่ทำให้เรื่องดูน่าติดตามมากขึ้นไปอีกเล่มนี้เป็นเล่มแรกของซีรีย์ เทพนิยายตระกูลกริมซึ่งแน่นอนว่าหากได้อ่านเล่มนี้แล้วคุณจะต้องอยากอ่านเรื่องต่อๆไปแน่นอน นอกจากการเขียนที่มีเอกลักษณ์แล้วยังมีการใช้คำพูดซึ่งดูมีปริศนาซ้อนเอาไว้แทบจะทุกประโยคของคุณย่า พออ่านแล้วก็อยากจะรู้ทันทีว่าอะไรกันนะที่เป็นข้อเงื่อนงำในคำพูดพวกนั้น พูดง่ายๆก็คือมีการผูกปมที่ดี ทำให้เรื่องไม่ดูน่าเบื่อ ยิ่งเป็นเด็กอายุน้อยๆแล้วการอ่านหนังสือที่มีแต่ตัวหนังสือลอยเต็มหน้านี่คือนรกชัดๆ แต่เรื่องนี้ทำให้เด็กอายุ10ขวบนั่งอ่านแบบใจจดใจจ่อแล้วคอยสะกิดถามเรื่อยๆว่าคำนี้อ่านว่าอย่างไรไม่น่าเชื่อว่าจะดึงดูดเด็กที่ไม่ชอบอ่านหนังสือได้ขนาดนี้ ใครที่ยังไม่มีเล่มนี้หาซื้อเอามาอ่านได้เลย ยิ่งเป็นคนที่ชื่นชอบนวนิยายผจญภัยแล้วจะยิ่งเชียร์ให้ซื้อเพราะเมื่อได้อ่านแล้วจะไม่ผิดหวังเลย ถึงแม้จะมีคำบางคำที่อ่านแล้วยัง งงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อย มองข้ามได้ก็มองข้ามกันไป สำหรับเราไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว สำหรับเรื่องนี้ให้ผ่านแบบฉลุยยยๆๆ ปลื้มมาก
4
รีวิวหนังสือ Mind map korean
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Mind map korean ...หนังสือสอนภาษาอีกหนึ่งเล่มของสำนักพิมพ์พราว เล่มโปรดอีกนั่นแหล่ะเพราะชอบการนำเสนอของสำนักพิมพ์นี้มากๆ และยิ่งคำว่าจิตภาพแล้วก็ยิ่งทำให้ชื่นชอบมากขึ้นไปอีก เพราะมันหมายถึงการจำข้อมูลในลักษณ์ของภาพซึ่งวิธีนี้แหล่ะทำให้เราจำได้มากขึ้นกว่าการอ่านหนังสือทั่วๆไป เนื้อหาบทแรกกล่าวถึงตัวอักษรและพยัญชนะภาษาเกาหลี เริ่มๆหลักไวยากรณ์ขั้นต้นเล็กน้อย มีการผสมคำยกตัวอย่างให้เราเข้าใจมากขึ้น มีการเขียนคำอ่านภาษาไทยกำกับด้านล่างเพื่อให้เราฝึกอ่านได้ถูกต้อง มีการบรรยายไม่มากเน้นการจำเป็นภาพเสียมากกว่า ในบทหลังๆก็จะเริ่มเป็นหมวดหมู่ของชีวิตประจำวันที่เราต้องเจอเช่น ทรงผม...หมวดนี้จะกล่าวถึงการเข้าไปตัดผมจะพูดว่าอย่างไร ทรงผมแบบนี้เรียกเป็นภาษาเกาหลีว่าอย่างไร รวมถึงบอกลักษณ์การเข้าร้านตัดผมของคนเกาหลีเป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆท้ายบทอีกด้วย ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับหนังสือเล่มอื่นๆของสำนักพิมพ์นี้แน่นอนว่าจะต้องมีภาพประกอบที่น่ารักชวนอ่าน ไม่ชวนง่วง เด็กสามารถอ่านได้ง่าย ภาษาไม่ต้องทำความเข้าใจใหม่ ในแต่ละบทจะสอดแทรกคำศัพท์ที่จำเป็นเข้าไปด้วยทำให้แต่ละบทที่อ่านนั้นจะได้ความรู้ทั้ง ไวยากรณ์ คำศัพท์ และบทสนทนาไปในตัว มีการโยงความสัมพันธ์ชัดเจนไม่งง หากเราเกรงว่าจะอ่านไม่ถูกต้องหรือกังวลเรื่องสำเนียงก็เปิดซีดีฟังได้ เราใช้วิธีการอ่านก่อนแล้วทบทวนอีกครั้งด้วยแผ่นซีดีเพื่อฟังการออกเสียงและสำเนียงวิธีการนี้มันช่วยได้มากคล้ายกับว่าเราอ่านหนังสือไปสองรอบ อีกทั้งยังทำให้เราจำได้มากกว่าเดิมอีกด้วย หนังสือเล่มนี้ดูเหมือนจะรวมภาษาเกาหลีในระดับต้นเอาไว้แต่เนื้อหาก็ยังไม่ครบท้วนจึงต้องหาซื้อหนังสือเล่มอื่นซึ่งเป็นแบบเรียนมาอ่านและใช้หนังสือเล่มนี้เสริมไปด้วย ว่าง่ายๆคือมันดีจริงแต่ก็ยังใช้เป็นแบบเรียนหลักไม่ได้ เป็นเพราะว่าหนังสือเน้นการสนทนาและคำศัพท์เป็นหลัก ทำให้บางครั้งการอธิบายไวยากรณ์แต่ละส่วนจะมีเนื้อหาแบบกระชับซึ่งจะไม่ครบท้วนเท่าที่ควร จึงเหมาะแก่การเรียนภาษาเกาหลีในระยะสั้นมากกว่า คือเน้นการสนทนาไม่เน้นหลักไวยากรณ์ที่ต้องใช้ในห้องเรียนมากนัก การไม่มีแบบฝึกหัดทบทวนก็ยังเป็นปัญหาอีกเช่นกัน เพราะในการเรียนจบแต่ละบทนั้นเราจำเป็นต้องทวนความรู้ตัวเอง ซึ่งหากไม่ทวนก็จะทำให้เราลืมได้ง่ายๆหากไม่ได้ใช้คำหรือประโยคนั้นบ่อยๆ โดยรวมถือว่าโอเคเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคนไหนสนใจภาษาญี่ปุ่นแต่กลัวว่าจะยากก็สามารถซื้อหนังสือเล่มนี้อ่านไปก่อนได้ เพราะจะทำให้เราหลงรักภาษาเกาหลีมากขึ้น เมื่อเรามีกำลังใจดีแล้วการเรียนภาษาเกาหลีนั้นจะไม่ใช่เรื่องยากเลย
Japan ทริป 6 วัน 5 คืน 3 หมื่นเอาอยู่
5
รีวิวหนังสือ Japan ทริป6วัน5คืน3หมืนเอาอยู่
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

Japan ทริป6วัน5คืน3หมืนเอาอยู่ ...... 3หมื่นเอาอยู่! คำนี้แหล่ะดึงดูดใจให้เราไปหยิบมาอ่าน เพราะถ้านึกถึงว่าเวลาไปเที่ยวลำพังแค่ประเทศใกล้ๆเงินหมื่นสองหมื่นเอาไม่อยู่แน่ๆ ไหนจะค่านั่นค่านี่ อะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมดอยากจะเที่ยงแต่ต้องถลุงเงินไปทั้งบัญชีแบบนี้เห็นแล้วต้องขอบาย.... แต่เพราะหนังสือเล่มนี้แหล่ะทำให้เราตั้งใจเก็บเงินอย่างจริงจัง เงินสามหมื่นถือว่าต่ำมากๆในการไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นตั้ง6วัน ซึ่งแนอนว่าเราจะต้องประหยัดเอาการ ในหนังสือบอกสถานที สายการบิน ร้านค้า ที่ทำให้เราช็อปได้แบบสบายใจแถมยังสบายเงินในกระเป๋าอีกด้วย ซึ่งหนังสือบอกเอาไว้ละเอียดมากๆ บอกสถานที่ที่เข้าฟรี และหนทางการประหยัดเงินค่าเดินทางด้วยหลากวิธีคิดแบบกึ๋นๆ อีกทั้งยังมีการคำนวณค่าอาหารในแต่ละวันค่าเดินทางในแต่ละวันเอาไว้ ซึ่งทำให้เราเห็นชัดเจนเลยว่าหากประหยัดค่ารถได้แล้วงบประมาณที่ใช้ในแต่ละวันนั้นน้อยมากๆ พกเงินไปสามหมื่นนี้เหลือกินเหลือใช้กันเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วยังมีการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและประวัติความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ คล้ายกับหนังสือท่องเที่ยวแต่จะมีการคำนวณค่าเดินทางระยะเวลาและจำนวนเงินโดยรวมเข้ามาด้วย รูปลักษณ์ภายนอกของหนังสือดูดี และขนาดของเล่มกะทัดรัดเหมาะแก่การพกพาเวลาเดินทาง หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนงบน้อยซึ่งต้องการไปเที่ยวแบบนานๆ และใช้เงินไม่มากแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะมีวิธีการบริหารเงินแบบไหนด้วย หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงแนวทางให้เท่านั้นไม่จำเป็นต้องทำตามเปะๆก็ได้ถ้าเรามีเงินไปมากกว่าสามหมื่นจะซื้อของจะเข้าชมงานที่อยากชมก็ทำได้หากมันไม่เกินงบที่กำหนดเอาไว้ อ่านจบแล้วเราเชื่อว่าเพื่อนๆจะต้องมานั่งตีตารางการเก็บเงินๆแน่ๆเพราะทุกอย่างมันเป็นไปได้ และยังสอนให้เรารู้จักประหยัดไปในตัวอีกด้วย เพื่อนๆที่มีเป้าหมายว่าจะไปต่างประเทศหรือพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปต่างประเทศสักครั้งในชีวิตก็เตรียมตัวเงินเงินออมเงินและซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแถบยุโรป ก็สามารถทำตามได้ค่ะอ่านแล้วอยากไปต่างประเทศทันทีเพราะเชื่อว่าตอนนี้ทุกๆอย่างมันเชื่อมต่อกันได้ การสื่อสาร การคมนาคมก็เชื่อต่อข้ามประเทศกันได้ง่ายๆ อีกอย่างยังเป็นการให้กำไรชีวิตที่เหน็ดเหนื่อยจากการเรียนและการทำงานมาอย่างหนักการไปพักผ่อนที่ไหนไกลๆโดยไม่มีเรื่องวุ่นวายมารบกวนก็เรียกว่าเป็นสวรรค์ขนาดย่อม เพื่อนๆอย่าลืมหาซื้อมาอ่านกันนะคะ ตั้งใจเก็บเงิน ออมเงิน ไม่ใช่แค่เที่ยวเท่านั้น แต่มันยังเป็นการต่อยอดเงินในอนาคตได้ด้วย สู้ๆคะ
ตารางฝึกคัดอักษรญี่ปุ่น
2
รีวิวหนังสือ ตารางฝึกคัดอักษรญี่ปุ่น
โดย: พวงผกา วันที่เขียนรีวิว: 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หนังสือฝึกคัดภาษาญี่ปุ่นเชื่อว่าทุกๆคในสายศิลป์ต้องมี เพราะมันจำเป็นมากพอๆกับแบบเรียน หากเราอ่านแต่ไม่คัดเลยก็จะทำให้เราไม่มีการฝึกฝนส่งผลให้เราไม่มีการพัฒนาเช่นกัน หนังสือฝึกคัดนั้นมีมาก หลายแบบ หลายสำนักพิมพ์ สาเหตุที่เลือกซื้อเล่มนี้ก็เพราะว่ามันเป็นกระดาษถนอมสายตา แค่นั้นจริงๆ เพราะเวลาเราคัดจะต้องเพ้งมองกระดาษหากไม่ใช่กระดาษถนอมสายตานั้นก็จะทำให้ตาเราปวดและล้าจนไม่อยากคัดต่อได้ ซึ่งมันมีผลให้เราขี้เกียจและไม่อยากคัด อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆแต่สำหรับคนที่ใจเขวง่ายอย่างเรานี่มันสำคัญมาก จะอ่าน จะทำอะไรต้องมีสิ่งดึงดูด หากเราไม่ชอบไม่สนใจแต่แรกฝืนทำไปก็เท่านั้นแหล่ะ สุดท้ายก็ต้องหยุด ข้อดีเหมือนของแถมอีกอย่างหนึ่งคือในสมุดคัดจะมีการทวนตัวอักษรและ การควบเสียง ตัวอย่างคำศัพท์ให้เราอ่าน ซึ่งอันนี้เราไม่อะไรมากจะมีไม่มีก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีก็ถือว่าดี ถือเป็นการทบทวนในตัว ข้อที่บกพร่องความจริงมันก็ไม่ไรอะไรต้องติมากเพราะเป็นหนังสือฝึกคัดเนื้อข้างในเป็นตารางช่องๆให้เราคัด แต่อยากจะให้เพิ่มจำนวนหน้าไปอีกหน่อยเพราะดูมันจะน้อยไปในระดับราคา30บาท เพราะจริงๆมีเพียงตารางและเนื้อหานิดเดียวเท่านั้น สำหรับคนที่ต้องคัดและขยันจริงๆสมุดเล่มเท่านี้คัดวันเดียวก็เสร็จแล้ว หากต้องการคัดก็จะต้องซื้ออีกเล่ม ซึ่งจะทำให้เรามีสมุดฝึกคัดหนาเป็นปึ๊กๆ จะเก็บทีก็ลำบาก จะเอาทิ้งก็เสียดาย เราเองก็เป็นแบบนั้นเราอยากเก็บอะไรที่เป็นความทรงจำเอาไว้ แต่เพราะมันเยอะเกลื่อนไปก็จำเป็นต้องเอาทิ้งอย่างน่าเสียดาย หากเพิ่มความหนาของเล่มเข้าไปอีกเท่าตัวแล้วคิดเงินเพิ่มสักนิดหน่อยก็จะดีมากๆเพราะมันง่ายและสะดวกต่อการจัดเก็บ หนังสือฝึกคัดมันจำเป็นต้องใช้บ่อยๆอยู่แล้วบางครั้งเราอยากจะย้อนกลับไปดูที่เคยคัดมาว่าเรามีพัฒนาการดีขึ้นแค่ไหนกลายเป็นว่าต้องมานั่งรื้อหาสมุดเล่มก่อนที่เคยทำเอาไว้ ยุ้งยากและดูน่าหงุดหงิด เพราะเราเป็นคนเบื่อง่ายอยู่แล้ว แต่เพื่อนๆที่ไม่ขี้หงุดหงิดแบบเราก็จะมองว่ามันไม่น่ามีปัญหาอะไร แบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนด้วยแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะต้องมีการพัฒนาไปอีกเรื่อยๆแน่นอน ขอให้ผลิตหนังสือดีๆเช่นนี้ออกมาเรื่อยๆ และจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อให้หนังสือสมบูรณ์แบบมากขึ้นค่ะ ข้อผิดพลาดนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และเป็นความคิดเห็นของเรา เสียงๆหนึ่งจากผู้บริโภคเท่านั้น หากใครที่ยังชอบแบบนี้อยู่แล้วก็ต้องขออภัยด้วย ณ ที่นี้ค่ะ ขอบคุณคะ
www.batorastore.com © 2024